คอลลาเจน เชื่อได้ว่าในปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าสารชนิดนี้ เนื่องจากเป็นสารที่มีความสำคัญต่อร่างกายเพราะให้คุณประโยชน์มากมายนั่นเองค่ะ อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักจะมีภาพจำเกี่ยวกับคอลลาเจนที่ให้คุณประโยชน์ในเรื่องของความเต่งตึงของผิวเท่านั้น แต่ทุกคนทราบหรือไม่คะว่าแท้จริงแล้วคอลลาเจนนั้นให้ประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากกว่านั้นเสียอีก แต่ถึงกระนั้นการที่จะได้รับประโยชน์จากมัน ผู้บริโภคก็ต้องรับประทานให้ถูกวิธีด้วย ดังนั้นในบทความนี้ Charmace จึงหยิบยกข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคอลลาเจนมาฝาก พร้อมทั้งวิธีการทานที่ถูกต้องมาฝากผู้อ่านเพื่อนำไปปรับใช้กันค่ะ
คอลลาเจน คืออะไร มีกี่ชนิด และมีเทคนิคการทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
เนื่องจากคุณสมบัติที่ได้รับจากคอลลาเจนมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผิว ผม เล็บ กระดูก ไขข้อดีขึ้น และมีการศึกษาหลายอย่างสนับสนุนว่าการกินคอลลาเจนติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน มีแนวโน้มว่าจะช่วยเรื่องสุขภาพเกี่ยวกับกระดูกได้ ปัจจุบันจึงมีคำถามมากมาย เกี่ยวกับวิธีการรับประทานคอลลาเจนที่ถูกต้อง ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับคอลลาเจนรวมถึงวิธีกินที่ถูกต้องกันค่ะ
คอลลาเจน คืออะไร?
คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนรูปแบบหนึ่งที่ได้จากการรวมตัวกันของกรดอะมิโน พบได้ในกระดูก กระดูกอ่อน เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์และสัตว์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง
โดยปกติแล้ว ในช่วงวัยเด็กถึงวัยรุ่น ร่างกายจะมีการสร้างคอลลาเจนอยู่แล้ว สังเกตได้ว่าผิวของเด็กจะเต่งตึง เรียบเนียน นุ่มลื่น แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายก็จะสร้างคอลลาเจนได้น้อยลง นี่คือสาเหตุของผิวเหี่ยวย่น และเกิดริ้วรอยได้ง่ายนั่นเอง แต่เราสามารถช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้ร่างกายได้ด้วยตัวเอง ด้วยการทานอาหารที่มีปริมาณคอลลาเจนสูงนั่นเองค่ะ
ชนิดของคอลลาเจน
คอลลาเจนเป็นเส้นใยโปรตีนประเภทหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบราวร้อยละ 6 ของน้ำหนักตัว หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดของร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างผิว กระดูกอ่อนและหลอดเลือด เป็นต้น ในปัจจุบันมีการค้นพบคอลลาเจนมากกว่า 18 ชนิด
แต่คอลลาเจนที่พบมากที่สุด 5 ชนิดได้แก่
คอลลาเจนประเภทที่ 1 (type I)
ซึ่งพบมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย ช่วยในการสร้างกระดูก ผนังหลอดเลือด เอ็นและเอ็นยึดกล้ามเนื้อ ผิวหนัง กระจกตา และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีความเหนียวและแข็งแรงมากที่สุด มีความสำคัญในเรื่องของการเพิ่มความยืดหยุ่น ป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด และช่วยสมานแผลบนผิวหนังได้ดี
คอลลาเจนประเภทที่ 2 (type II)
พบมากในกระดูกอ่อน เช่น ส่วนประกอบของหู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง ทำหน้าที่แตกต่างจากคอลลาเจน type I อย่างสิ้นเชิง โดยจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์ของเซลล์ให้มีจำนวนมากขึ้น เพื่อการลดอัตราการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ
คอลลาเจนประเภทที่ 3 (type III)
มักพบร่วมกับประเภทที่ 1 คือพบในผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย สามารถพบร่วมกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 แต่พบได้น้อยกว่าประมาณ 10 % โดยส่วนใหญ่มักพบในผนังหลอดเลือด แต่พบได้น้อยในข้อต่อต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างจากคอลลาเจนชนิดที่ 2
คอลลาเจนประเภทที่ 4 (type IV)
พบใน basal lamina และ basement membrane ในส่วนของ epithelium-secreted layer เป็นคอลลาเจนที่มีลักษณะเฉพาะตัว พบมากบริเวณเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือดอีกด้วย
คอลลาเจนประเภทที่ 5 (type V)
เป็นคอลลาเจนที่เป็นองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ พบในผิวของเซลล์ และเส้นผม
การทานอาหารเสริมคอลลาเจนนั้นสำคัญอย่างไร
จะเห็นได้ว่าคอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการเป็นสารตั้งต้นของส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของเรา โดยทั่วไปแล้วร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนขึ้นเองได้ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น อัตราการสังเคราะห์คอลลาเจนของเรากลับลดลง การมองหาตัวช่วยเสริมปริมาณคอลลาเจนจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ผิวพรรณของเราเต่งตึงไม่เหี่ยวย่น รวมถึงลดการเสื่อมของไขข้อเมื่อเราอายุมากขึ้น โดยปริมาณคอลลาเจนที่ควรรับประทานในแต่ละวันที่เหมาะสำหรับคนทั่วไป ที่ไม่เคยมีประวัติการแพ้อาหารทะเล หรือไม่เคยแพ้สารสกัดจากปลามาก่อน เนื่องจากคอลลาเจนบางชนิดสกัดจากปลาทะเล สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย ได้ประกาศออกมาว่าไม่ควรรับประทานคอลลาเจนเกิน 10 กรัมต่อวัน แต่สำหรับการรับประทานในชีวิตปกติประจำวันแล้ว การบริโภคคอลลาเจนเพียง 2.5-5 กรัมต่อวัน ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อเสริมสร้างผิวพรรณที่สวยงามและร่างกายที่แข็งแรง โดยไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย
เทคนิคการทานคอลลาเจนให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
- คอลลาเจนที่ทานเข้าไปจะย่อยเป็นกรดอะมิโนหน่วยย่อย ๆ ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้จะกลายเป็นสารตั้งต้นในการสร้างคอลลาเจนในผิว เคราตินใน กระดูก ฟัน หรือส่วนอื่น ๆ ดังนั้นหากอยากได้คอลลาเจนที่บำรุงตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่เจาะจงเฉพาะส่วนให้เลือกคอลลาเจนประเภท Hydrolyzed เช่น Hydrolyzed marine collagen เป็นต้น
- หากต้องการบำรุงพิเศษในเรื่องคอลลาเจนในชั้นผิว เรื่องของริ้วรอย ความเรียบเนียน เรื่องน้ำหล่อเลี้ยงบริเวณไขข้อ กระดูกอ่อน ควรเลือกคอลลาเจนที่มีโครงสร้างที่เมื่อผ่านการย่อยแล้วจะได้โมเลกุลได หรือไตรเปป์ไทด์ หรือ ปัจจุบันมีคอลลาเจน ไทป์ทู(Type II) ที่มีการวิจัยว่าเกี่ยวพันกับการช่วยส่งเสริมกระดูกโดยตรง หากกินร่วมกันเพราะร่างกายจะนำไปสร้างคอลลาเจนได้รวดเร็ว และกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ให้ทำงานมากขึ้น
- หากกังวลเรื่องขนาดของโมเลกุล อยากได้ขนาดเล็ก ๆ ดูดซึมง่าย ๆ ควรเลือกไม่เกิน 500 dalton เช่น Collagen Tripeptide เป็นต้น
- ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกินหรือรับประทานคอลลาเจน แนะนำเป็นช่วงหลังอาหารเพื่อดูดซึมไปพร้อมกับสารอาหารที่ร่างกายรับเข้าไป ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ทางเราจะแนะนำก็เลยเป็นการทานพร้อมอาหาร หรือ กินหลังมื้อเช้า/มื้อที่ใหญ่ที่สุดของวันค่ะ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อมูลที่เกี่ยวกับคอลลาเจนเท่านั้นค่ะ ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ผู้บริโภคต้องทำความเข้าใจและศึกษาให้ดีก่อนรับประทาน เพราะหากทานในวิธีที่ผิดก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ดังนั้น อย่าลืมศึกษาข้อมูลการทานอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้บริโภคเองด้วยนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ศึกประชัน คอลลาเจนเม็ด vs คอลลาเจนผง ตัวไหนกินแล้วเป๊ะเว่อร์กว่ากัน !!
5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับอาหารเสริมมีอะไรบ้าง
อาหารเสริมผิวขาวตัวไหนดี เลือกยังไงให้ปลอดภัยและเหมาะกับเรา