อยากมีธุรกิจ ต้องกล้าคิด และรู้จักรูปแบบรายได้ แบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ
ก่อนที่จะเล่าเรื่องราวของ คำว่า Passive กับ Active รายได้แบบไหนที่คุณอยากได้ ต้องขอพูดถึงแหล่งข้อมูลก่อนว่าเป็นเนื้อหาสาระมาจากไหนบ้าง เพื่อสร้างความมั่นใจว่า เป็นข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ และเป็นเหตุเป็นผล โดยผมจะนำข้อมูลที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มหนึ่งคือ
ซึ่งหนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสือที่ดีมากๆ ที่อยากแนะนำให้คนที่มีฝัน ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือกำลังหาโอกาสอะไรบางอย่าง หนังสือเล่มนี้อาจจะเป็นกุญแจ ที่ช่วยไขคำถามของเราได้ โดยหนังสือพ่อรวยสอนลูก #2 เงินสี่ด้าน ถูกเขียนโดย โรเบิร์ต คิโยซากิ ซึ่งเขาเป็น นักลงทุน ผู้ประกอบการ และนักการศึกษาด้านการเงินและการลงทุนระดับโลก และยังได้รับรางวัลผู้แต่งหน้าสือขายดี “พ่อรวยสอนลูก” New York Times Bestseller หลายปีซ้อนอีกด้วย
หนังสือเล่มนี้ มีเนื้อหาที่สนใจอยู่มาก แต่เราจะนำมาสรุปให้ฟังในบางส่วนที่เป็นการเล่าเรื่องราวของคำว่ารายได้บนโลกนี้ มีอยู่ 2 แบบ ก็คือ Active Income และ Passive Income ซึ่งรายได้แต่ละแบบจะมาที่แตกต่างกัน และคนที่ได้รายได้แบบนั้นๆ ก็จะมีวิธีชีวิตที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
โรเบิร์ด คิโยซากิ ได้เขียนไว้ว่า “รายได้บนโลกนี้ มีอยู่แค่ 2 แบบ เท่านั้น คือ Active Income และ Passive Income ” คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ จะใช้แรงและเวลาของตัวเอง ไปแลกมาซึ่ง เงิน ซึ่งแตกต่างจากคนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะใช้แรงและเวลาของเขา สร้าง ทรัพย์สิน (Asset) เพื่อทำเงินให้กับเขา
Active Income : เมื่อใดที่เราเจ็บป่วย เมื่อใดที่เราไม่ได้ทำงาน เราก็จะเสียรายได้ เสียเงิน หยุดไม่ได้
Passive Income : เมื่อเรามีทรัพย์สินในการสร้างเงินให้กับเราเพียงพอ ก็จะไม่ต้องใช้แรงของเรา ไม่ต้องใช้เวลาของเรา เราจะไปไหนก็ได้ แต่ทรัพย์สินยังคงสร้างรายได้ให้กับเรา
และรายได้เราจะมาจากไหนล่ะ ถูกต้องครับ รายได้เราจะมาจาก งาน งานที่เราทำนั้นแหละครับ ซึ่งโรเบิร์ด คิโยซากิ ยังพูดไว้อีกว่า งานบนโลกนี้ มีเพียงแค่ 4 ประเภท ได้แก่ ลูกจ้าง Employee, เจ้าของกิจการ Self Employee, เจ้าของธุรกิจ Business Owner และ นักลงทุน Investor
จะยกตัวอย่างการเล่าเรื่องราวของ รายได้ 2 แบบ ชีวิต 2 ฝั่งให้ฟังเป็นภาพ โดยเริ่มต้นจากฝั่ง Active Income เช่น
คนเราหลังใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้ โดยรวม 22 ปี เมื่อก้าวข้ามสู่วัยทำงาน ฝั่งแรกที่จะเข้ามาคือ ฝั่ง พนักงาน / ลูกจ้าง Employee ซึ่งเป็นรูปแบบชีวิตที่ เช้าไปเย็นกลับ ตรอกบัตรเซ็นชื่อ วันแล้ววันเล่า คนกลุ่มนี้จะเริ่มมีความต้องการที่จะอยากมีธุรกิจของตัวเอง หลังจากเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง ก็จะย้ายตัวอย่างจากฝั่ง Employee เป็น ธุรกิจส่วนตัว Self Employed ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของคนทุกคน บางธุรกิจก็ประสบความสำเร็จ บางธุรกิจก็จะล้มเหลวไป ซึ่งมีหลายปัจจัยในความล้มเหลว เช่น เงินทุน คู่แข่ง เศรษฐกิจ หรือแม้แต่ขาดประสบการณ์ เมื่อเขาล้มเหลว ก็จะย้ายตัวเองจาก ธุรกิจส่วนตัว Self Employed กลับไปสู่ Employee เป็นพนักงานลูกจ้าง รับเงินเดือนเช่นเดิม
แตกต่างจากคนกลุ่มฝั่ง Passive Income คือ
คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ จะทำการสร้างระบบธุรกิจขึ้นมา ผลิตสินค้าขึ้นมา และจากนั้นก็บริหารโดยให้คนฝั่ง Employee มาทำงานแทนตัวเขา ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อระบบสมบูรณ์แบบ มีพนักงานปฏิบัติงาน มีสินค้าสามารถขายได้ เจ้าของธุรกิจ Business Owner ก็จะไม่ต้องมาทำงานด้วยตัวเอง และเช่นกัน Investor นักลงทุน จะเป็นในกลุ่มของคนที่ใช้เงินในการลงทุน (เงินต่อเงิน) เช่น กองทุน, LTF,RMF และ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า คนที่มีรายได้แบบ Passvie Income จะมีอิสระทางด้านการเงิน อิสระด้านเวลา ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่ทุกคนได้อ่านเรื่องราวทั้งหมด ทุกคนก็จะต้องตอบเป็นเสียงเดียวกัน ว่าอยากมีรายได้แบบ Passive Income แต่คำถาม อะไรล่ะ คือ Asset ของเรา
Asset หรือ ทรัพย์สิน จะเป็นอะไรก็ได้ ถ้ายุคก่อน เราจะเคยเห็นปู่ย่า เราสะสมที่ดิน ใครมีที่ดินมาก คนนั้นย่อมเป็นเศรษฐี แต่พอมายุคในอุตสาหกรรม เป็นยุคของโรงงานผลิตสินค้า ใครเป็นเจ้าของกิจการโรงงาน คนนั้นย่อมร่ำรวยและมั่งคั่ง Asset หรือทรัพย์สิน อาจจะมาในรูปแบบ หอพัก อาคาร บ้านเช่า รถรับจ้าง หรือแม้แต่สินค้า เครื่องสำอาง ธุรกิจอาหารเสริม หรือแม้แต่ตัวแทนขายสินค้า ทั้งหมดนั้นล้วนเป็น ทรัพย์สินที่จะสร้างธุรกิจที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้
บริษัท ชาร์แมช ซี.เค. คอสเมด จำกัด เป็นหนึ่งในโรงงานรับผลิตอาหารเสริม ผลิตเครื่องสำอาง ครีม และบริการครบวงจร บริการขึ้นทะเบียนอย. ออกแบบโลโก้ กล่อง และบริการตลาดออนไลน์ เราเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแบรนด์ธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องสำอาง มากมาย หากใครต้องการจะสร้างทรัพย์สิน (Asset) เพื่อเปิดประตูสู่ความสำเร็จบนเส้นทางธุรกิจของตัวเอง เรายินดีที่จะเดินไปด้วยกันกับคุณค่ะ