Modern Trade กับ Traditional Trade วันนี้จะมาแลกเปลี่ยนกันในเรื่องราวของการเริ่มต้นธุรกิจในรูปแบบไหนดี ในบทความนี้เราจึงมาพูดถึงความแตกต่างของการตลาดแบบ Modern Trade และ Traditional Trade กันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร และมั่นใจได้ว่า เมื่อได้รับข้อมูลความแตกต่างของการตลาด 2 แบบนี้ จะทำให้เราสามารถเลือกจุดเริ่มต้นและวางแผนพัฒนาการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จขึ้นอย่างแน่นอน
Modern Trade กับ Traditional Trade คืออะไร และมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
ปัจจุบันตลาดมีการแข่งขันเสรี เมื่อทุกกิจการต่างๆก็มีการบริหารทัดเทียมกัน การตลาดเป็นเครื่องมือของผู้ประกอบการในการแข่งขัน ด้วยวิธีการสร้างคุณค่าเพิ่ม กล่าวคือ การสร้างคุณค่าให้แก่สินค้าหรือบริการ ซึ่งนักการตลาดใช้หลักการอันเป็น “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการดำเนินการตลาดให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ดังนั้นจึงไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าการทำธุรกิจในโลกโลกาภิวัฒน์นั้น การมีความรู้ในเรื่องของการตลาดแบบเก่าและใหม่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้เจ้าของแบรนด์สามารถกำหนดทิศทางของการค้าขายด้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งในบทความนี้ Charmace ได้นำข้อมูลและข้อแตกต่างของทั้ง 2 การตลาดนี้มาฝากเพื่อให้ทุกคนได้ลองศึกษากัน
การตลาดแบบ Modern Trade
หมายถึง การตลาดในการค้าขายปลีกแบบสมัยใหม่ เป็นระบบการค้าที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้เกิดความสะดวกสบาย และปัจจุบันร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ต่างเกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เราสามารถเปิดตลาดให้กับกลุ่มคนที่เข้าร้านค้าปลีกได้ทั่วประเทศ
จุดเด่นของการตลาดแบบ Modern Trade
- สินค้ามีความหลากหลาย ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค
- มีการนำเทคโนโลยีในการเข้ามาผสมผสานเพื่ออำนวยความสะดวก
- มีการตกแต่งร้านอย่างสวยงาม จัดของเป็นหมวดหมู่เป็นระเบียบ ลูกค้าสามารถเลือกซื้อได้ตามที่ตัวเองต้องการ
- อยู่ในพื้นที่ที่สะดวกในการเข้าถึง เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือแหล่งการค้า เป็นต้น
- มีการจัดรายการส่งเสริมการขายอยู่เป็นประจำ ทำให้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้
การตลาดแบบ Traditional Trade
หมายถึง การขายสินค้าหรือการตลาดแบบดั้งเดิม หมายถึงการตลาดแบบปากต่อปาก การตลาดแบบการขายตามตลาด แผงลอย ร้านค้าทั่วไป แม้จะแตกต่างจากการตลาดแบบ Modern Trade แต่ก็มีความน่าสนใจเช่นกัน
จุดเด่นของการตลาดแบบ Traditional Trade
- เราสามารถนำสินค้ามาลงขายได้ง่าย และมีหลากหลายทำเล ให้เลือก
- ต้นทุนในการฝากขายต่ำ เมื่อเทียบกับการตลาดแบบ Modern Trade
- สามารถกำหนดการทำโปรโมชั่นสินค้าได้เอง
เมื่อเราเข้าใจแล้วว่า ความแตกต่างระหว่าง การตลาดทั้ง 2 แบบแล้ว แล้วล่ะก็ เราต้องมาวิเคราะห์ว่า เราต้องการขายสินค้าให้กับใคร จึงจะสามารถบอกได้ว่าเราจะทำตลาดกับกลุ่มไหนดี
ยกตัวอย่างเช่น นักศึกษา
เราก็ต้องไปเริ่มกันที่ตลาด Modern Trade เพราะลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ในระดับกลางๆ เริ่มมีการไปเดินห้างสรรพสินค้า เพื่อซื้อของใช้ ซึ่งบางวัน อาจจะใช้เวลามากกว่า 2-4 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว
แต่การเริ่มที่ตลาด Modern Trade นั้นเราก็อย่าลืมว่า จริงๆแล้วค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นนั้นก็มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับร้านค้าปลีกที่เราเลือก
เพราะฉะนั้น เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า ของเรา รวมไปถึง ราคา และทุนในการทำตลาด จากนั้นคอยคำนวณจุดคุ้มทุน ซึ่งหวังว่าจะช่วยให้ทุกคนสามารถตัดสินใจก่อนที่จะเริ่มการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองได้นะครับ
บทความที่น่าสนใจ
บริการตรวจสอบหาสารต้องห้าม Prohibited Substance Inspection
บริการการค้าขายและบริการอย่างสมัยใหม่ Modern Trade
บริการขึ้นทะเบียนอย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)