Charmace รับผลิตกาแฟ ทุกสูตร ครบวงจร ด้วยดีลที่ดีที่สุด

รับผลิตอาหารเสริม,รับผลิตเครื่องสำอางค์,รับผลิตครีม,โรงงานผลิต OEM

Charmace รับผลิตกาแฟ ทุกสูตร ครบวงจร ด้วยดีลที่ดีที่สุด

รับผลิตกาแฟ ทุกสูตร เป็นเรื่องที่เจ้าของแบรนด์หลาย ๆ ท่านคงกำลังหาข้อมูล หรือ คุ้นเคยดี กับการหาโรงงานรับผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ว่าควรเลือกที่ไหนดี และมีวิธีเลือกอย่างไร เพราะในปัจจุบันนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์การดูแลสุขภาพ เป็นกระแสที่กำลังได้รับความนิยมทั้งในคนอายุน้อย วัยทำงาน และวัยผู้สูงอายุ ยิ่งในช่วงของโรคระบาดที่ผ่านมาก็ยิ่งทำให้เทรนด์นี้ได้รับความนิยมมากกว่าเดิม จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดแบรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพขึ้นมามากมายนั่นเองค่ะ อย่างไรก็ดี ยังมีเจ้าของแบรนด์อีกหลายท่านที่กำลังอยู่ในช่วงเป็นนักธุรกิจมือใหม่ ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาดูกันค่ะว่าการจะเริ่มต้นทำแบรนด์กาแฟรวมไปถึงขั้นตอนการเลือกโรงงานรับผลิตผลิตภัณฑ์ต้องมีรายละเอียดอะไรบ้างที่เจ้าของแบรนด์พึงรู้

รับผลิตกาแฟ ทุกสูตร ครบวงจร ด้วยดีลที่ดีที่สุด

รับผลิตกาแฟ เลือกโรงงานอย่างไร มีเทคนิคการเลือกอย่างไรสำหรับเจ้าของแบรนด์มือใหม่?

โรงงานผลิตกาแฟ ชงดื่ม ในปัจจุบันนี้มีกาแฟหลากหลายแบรนด์ที่ขายกันอยู่ตามท้องตลาด แต่ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากจะสร้างแบรนด์กาแฟเป็นของตัวเองแล้วล่ะก็ เจ้าของแบรนด์จะต้องสร้างความโดดเด่นให้แบรนด์กาแฟของคุณ เพื่อสร้างการจดจำให้ลูกค้า ซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่ยากใช่ไหมล่ะคะกับการที่ให้เจ้าของธุรกิจมือใหม่มานั่งคิดสูตรกาแฟ เพราะอาจไม่ได้มีความรู้และความชำนาญมากนัก

ซึ่งอาจจะดีกว่าหากเจ้าของแบรนด์มีทีมที่สามารถให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำว่าจะต้องสร้างแบรนด์กาแฟอย่างไรให้แตกต่างและสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้อย่างอยู่หมัด เพราะฉะนั้นวันนี้ Charmace จะพาเจ้าของแบรนด์กาแฟมือใหม่ทุกคนไปศึกษาเกี่ยวกับช่องทางการสร้างแบรนด์กาแฟแบบง่าย ๆ เพื่อสร้างให้โดนใจกลุ่มลูกค้าในทุกเพศทุกวัย ซึ่งจะมีขั้นตอนอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ

ทำความรู้จัก “กาแฟ”

กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดซึ่งได้จาก ต้นกาแฟ หรือมักเรียกว่า เมล็ดกาแฟ คั่ว มีการปลูกต้นกาแฟในมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก “กาแฟเขียว” (กาแฟซึ่งยังไม่ผ่านการคั่ว) เป็นหนึ่งในสินค้าทางการเกษตรซึ่งมีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก กาแฟมีส่วนประกอบของคาเฟอีน ทำให้มีสรรพคุณชูกำลังในมนุษย์ ปัจจุบันกาแฟเป็นเครื่องดื่มซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

ศึกษาให้เข้าใจการตลาด “กาแฟ” ในยุคปัจจุบัน

อันดับแรกก่อนที่เราจะสร้างแบรนด์กาแฟ เราต้องเข้าใจการตลาดของกาแฟในยุคปัจจุบันให้ดีเสียก่อน ซึ่งถ้าเป็นในอดีตการขายกาแฟ ก็จะเน้นไปที่รสชาติ แหล่งเพาะปลูก หรือสายพันธุ์ของกาแฟ เป็นต้น แต่ในปัจจุบันนี้การตลาดได้เปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคเริ่มมองหาความคุ้มค่าในตัวผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้กาแฟต้องมีจุดเด่นเพิ่มเติมขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นกาแฟลดความอยากอาหาร กาแฟผสมคอลลาเจน กาแฟบำรุงสุขภาพ ยิ่งใส่จุดเด่นไปมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้กาแฟแบรนด์นั้นได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจุดเด่นที่กล่าวอ้างจะต้องมีความปลอดภัยและได้รับการรับรองว่าปลอดภัยต่อผู้บริโภคจริง 100%

จาก “กาแฟธรรมดา” สู่ “กาแฟเพื่อสุขภาพ” แบรนด์ที่นักธุรกิจอยากลงทุน

หลาย ๆ คนอาจคุ้นชินกับการนั่งทานกาแฟสด หรือการไปนั่งทานที่ร้านเพื่อรับกลิ่น สร้างบรรยากาศในการดื่มกาแฟ จริงอยู่ค่ะที่การไปนั่งดื่มกาแฟสดที่ร้าน เป็นวิธีการที่ค่อนข้างดีในการช่วยให้ผ่อนคลายในระหว่างทำงานได้ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงมีผู้บริโภคให้ความสนใจกับการรับประทานกาแฟเช่นนี้อยู่ หากแต่การนั่งดื่มกาแฟที่ร้าน เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้บริโภคบางกลุ่มเท่านั้น เช่น ผู้ที่ทำงาน Freelance หรือ ผู้ที่สามารถทำงานออนไลน์ได้ไม่ต้องเร่งรีบเข้าออฟฟิศ เป็นต้น แต่ก็ยังมีผู้บริโภคอีกกลุ่มหนึ่งที่ชีวิตติดอยู่กับการเร่งรีบ ต้องทำงานที่ออฟฟิศและไม่สามารถไปนั่งทานกาแฟสดได้บ่อย ๆ แถมยังมีวัยรุ่นหนุ่มสาวที่สมัยนี้ก็นิยมหันมาทานกาแฟมากขึ้น และผู้สูงอายุที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ แต่ก็ไม่สามารถทานได้มากเท่าเมื่อก่อนเพราะกลัวเป็นปัญหาสุขภาพ สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาจึงเป็นจุดเริ่มต้นของกาแฟเพื่อสุขภาพที่สามารถตีตลาดในลูกค้าได้หลาย ๆ กลุ่ม เพราะเป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่รักของใครหลาย ๆ คนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เจ้าของแบรนด์สามารถเพิ่มเติมสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพให้เจาะจงในแต่ละกลุ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งยิ่งไปกว่านั้นการทำธุรกิจกาแฟเพื่อสุขภาพยังสามารถแปรรูปจากกาแฟเม็ดสู่กาแฟสำเร็จรูปในซอง ชงดื่มกับน้ำร้อนได้ง่าย ๆ เพื่อสร้างความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคด้วย

กาแฟสด VS กาแฟสุขภาพแบบสำเร็จรูป แตกต่างกันอย่างไร ผู้บริโภคชอบแบบไหนมากกว่ากัน?

หลาย ๆ คนที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นประจำก็คงจะรู้กันดีว่ากาแฟนั้นมีอยู่สองประเภท ก็คือ กาแฟสด และ กาแฟสำเร็จรูป ซึ่งถึงแม้จะรู้ว่ามีกาแฟอยู่สองประเภท แต่บางคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว กาแฟทั้งสองแบบนี้มันต่างกันยังไง ดังนั้น เมื่อเจ้าของแบรนด์อยากสร้างแบรนด์กาแฟ จึงมีความจำเป็นที่ต้องมาดูข้อแตกต่างของกาแฟทั้ง 2 แบบนี้ค่ะ

วิธีการผลิต

เริ่มตั้งแต่วิธีการผลิตกันเลย กาแฟสำเร็จรูปนั้นจะมีลักษณะเป็นผงมาให้อยู่แล้ว จึงต้องผ่านกระบวนการแปรรูปหลากหลายขั้นตอนมากกว่ากาแฟสด ทั้งการคั่ว บด สกัด ทำให้เข้ม และทำให้แห้ง โดยอาจจะผลิตออกมาเป็นผงกาแฟอย่างเดียวเลย หรืออาจจะมีการนำไปผสมกับน้ำตาลและครีมเทียมเพื่อให้มีรสชาติกลมกล่อมมากขึ้นอย่างที่ทุกคนรู้จักกันดีในรูปแบบ “กาแฟซอง” วิธีการผลิตก็คือจะใช้เครื่องทำแห้งแบบพ่น  (Spray drying) หรือเครื่องทำแห้งแบบระเหิด (Freeze drying) เพื่อให้ได้เป็นเกร็ดผงของกาแฟ ส่วนสำหรับกาแฟสดจะมีขั้นตอนน้อยกว่า เริ่มตั้งแต่การเก็บเมล็ดมาบ่มเพาะ คั่ว และบด ก็สามารถนำไปชงต่อได้เลย ซึ่งบางครั้งก็อาจจะผลิตเป็นเมล็ดกาแฟที่ยังไม่ผ่านการบดก็ได้ ตามที่เรามักจะเห็นในร้านกาแฟนั่นเอง

วิธีการชงดื่ม

ถึงแม้กระบวนการผลิตจะน้อยกว่า แต่สำหรับการชงดื่มนั้น กาแฟสดจะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากกว่าแบบสำเร็จรูป เนื่องจากตัวเมล็ดกาแฟยังไม่ผ่านการบดให้เป็นผง จึงต้องนำมาบดซะก่อน แล้วจึงเอาไปชงตามแต่ละวิธีที่แตกต่างกันตามความชอบของผู้ดื่ม ไม่ว่าจะเป็นการชงแบบผ่านกระดาษกรอง (Drip) ชงแบบใช้น้ำร้อนโดยตรง (French Press) หรือใช้ไอน้ำ (Espresso) ซึ่งแต่ละวิธีก็จะได้รสชาติและความเข้มข้นที่ต่างกันด้วยนะ ส่วนกาแฟสำเร็จรูปนั้นมีวิธีการชงที่ง่ายและรวดเร็วมาก ๆ นั่นก็คือนำผงกาแฟไปชงกับน้ำร้อนก็สามารถดื่มได้แล้ว ถ้าเป็นผงกาแฟอย่างเดียวก็อาจจะเติมน้ำตาล นม หรือครีมเทียมตามใจชอบ แต่ถ้าเป็นกาแฟซองก็มักจะมีการผสมมาให้แล้ว เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องทำอะไรเลย

รสชาติและกลิ่นหอม

กระบวนการผลิตที่มีมากมายหลายขั้นตอนของกาแฟสำเร็จรูปนั้น ย่อมส่งผลถึงรสชาติและกลิ่นหอมดั้งเดิมของกาแฟที่ต้องเสียไป เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับความรวดเร็วและสะดวกสบาย หลาย ๆ คนจึงรู้สึกว่าทำไมชงกาแฟดื่มเองที่บ้านไม่อร่อยเท่าที่ร้านกาแฟ? นั่นก็เป็นเพราะร้านกาแฟมักจะใช้เมล็ดกาแฟสด ซึ่งมีขั้นตอนการชงที่พิถีพิถันมากกว่า มีรสที่เป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์มากกว่า รวมทั้งรสชาติความเข้มข้นและกลิ่นหอมก็มากตามไปด้วย

ข้อสรุป ผู้บริโภคชอบแบบไหนมากกว่า?

คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากสำหรับการจะตีกรอบคำตอบให้ตายตัวค่ะ ว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมการทานกาแฟ หรือ ชื่นชอบกาแฟแบบไหนมากกว่ากัน ซึ่งเราจะขอสรุปว่า กาแฟแต่ละแบบนั้นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ซึ่งข้อแตกต่างดังกล่าว ทำให้มันตีตลาดกลุ่มเป้าหมายคนละกลุ่ม แต่ก็ยังไม่สามารถการันตีได้อีกว่า ผู้ที่ชื่นชอบกาแฟสดจะไม่ดื่มกาแฟสำเร็จรูป หรือ ผู้ที่สันทัดการดื่มกาแฟสำเร็จรูปจะไม่เข้าไปนั่งดื่มกาแฟสดที่ร้านในวันว่าง เจ้าของแบรนด์จึงสามารถหายห่วงได้ว่า แม้กาแฟทั้ง 2 แบบนี้จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ผู้บริโภคก็มีโอกาสที่จะรับประทานกาแฟทั้งสิ้น

3 ประเภทของกาแฟสำเร็จรูปที่เจ้าของแบรนด์ต้องรู้

นอกจากกาแฟจะถูกแบ่งตามสายพันธุ์ต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถแบ่งกาแฟสำเร็จรูปออกได้เป็น 3 แบบอีกด้วยค่ะ ดังนี้

1.กาแฟกระป๋อง

เป็นกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม ที่เห็นได้ตามร้านค้าทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลายแบรนด์ให้เลือกด้วยกัน โดยพบว่ากาแฟกระป๋องพร้อมดื่มนี้ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ.1969 โดยผู้ค้นพบเป็นชาวญี่ปุ่นนั่นเอง และกาแฟกระป๋องนี้ ก็นิยมแช่เย็นเพื่อดื่มเป็นเครื่องดื่มเย็น ๆ คลายร้อนกันอีกด้วย ในวันที่อากาศร้อนจัด และหากคุณเองก็ต้องการความกระปรี้กระเปร่า กาแฟกระป๋องก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

2.กาแฟผงสำเร็จรูป

เป็นกาแฟแบบผงสำเร็จรูป ที่สามารถชงให้ละลายในน้ำร้อนได้ทันที ซึ่งก็เป็นกาแฟที่ชงง่ายมาก แถมไม่มีกากกาแฟหลงเหลืออยู่อีกด้วย ส่วนรสชาติของกาแฟนั้น ต้องบอกเลยว่าอร่อยสุด ๆ ทั้งให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้อย่างง่ายดาย โดยพบว่ากาแฟผงสำเร็จรูปนี้นั้น ถูกค้นพบขึ้นในปี ค.ศ.1901 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันและชาวญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งการผลิตกาแฟผงประเภทนี้นั้นจะมีด้วยกัน 2 วิธี ดังนี้

ผลิตในระบบเย็น

คือการนำน้ำกาแฟไปแช่ในช่องแช่แข็งที่มีความเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และมีความดันสูง จนน้ำกาแฟแข็งและกลายเป็นเกล็ดในที่สุด ซึ่งก็จะได้ผงกาแฟสำเร็จรูป ในรูปแบบของเกล็ดแข็ง สามารถนำมาชงในน้ำร้อนให้ละลายได้ในทันที โดยการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูปด้วยวิธีนี้ จะช่วยเก็บรักษากลิ่นของกาแฟให้มีความหอมกลมกล่อมและมีรสชาติที่เข้มข้น อร่อยน่าดื่มมากค่ะ

ผลิตในระบบพ่นแห้ง

เป็นการนำเมล็ดกาแฟมาคั่วแล้วนำมาต้มสักพัก จากนั้นให้นำน้ำกาแฟที่ได้มาพ่นเป็นละอองเข้าไปในอากาศที่ร้อนจัด ให้น้ำระเหยออกไป เหลือแต่ผงกาแฟมาแทนที่ ซึ่งอาจหยุดที่ขั้นตอนนี้ หรือจะทำซ้ำๆ จนผงกาแฟมีลักษณะเป็นเกล็ดฟูก็ได้ ซึ่งก็จะทำให้ผงกาแฟละลายน้ำได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียวค่ะ

3. กาแฟสำเร็จรูปชนิดปรุงสำเร็จ

เป็นกาแฟสำเร็จรูปที่เหมือนกับกาแฟผงสำเร็จรูปนั่นเอง แต่สำหรับประเภทนี้ จะมีการปรุงรสชาติให้กลมกล่อมมาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ในซอง สามารถชงดื่มได้ทันทีโดยไม่ต้องเติมน้ำตาลและคอฟฟี่เมตเพิ่มไปทีหลัง ซึ่งก็เป็นประเภทของกาแฟที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

“กาแฟเพื่อสุขภาพ” คือ “กาแฟลดความอ้วน” เท่านั้น ความเชื่อนี้ จริงหรือไม่?

หลายคนมองว่า กาแฟเพื่อสุขภาพนั้นมีดีแค่เรื่องการลดความอ้วน ที่สาว ๆ ชื่นชอบกัน แต่ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์กาแฟหลากหลายยี่ห้อที่คิดค้นสูตรและพัฒนาส่วนผสมให้พิเศษยิ่งขึ้น เพื่อทำให้กาแฟเพื่อสุขภาพนั้น  มีคุณค่าต่อร่างกายมากขึ้น แล้วเราจะเลือกกาแฟเพื่อสุขภาพยี่ห้อไหนดี ตามมาดูกัน

ประโยชน์ของกาแฟเพื่อสุขภาพต้องช่วยลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนักเท่านั้นหรือไม่?

สารคาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์เพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้สมอง และช่วยขจัดความอ่อนล้า โดยได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่า มีคุณสมบัติเป็น “เทอร์โมเจนีซีส” (Thermogenesis) ซึ่งสารชนิดนี้นั้นคือ สารเร่งการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย มีผลทำให้ไขมันที่สะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายถูกสลายเป็นพลังงานความร้อน  จึงมีส่วนช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงได้ แต่ต้องดื่มในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นซึ่งอาจมีโทษต่อร่างกายได้  ในวงการกาแฟเพื่อสุขภาพ จึงมีการค้นคว้าและเพิ่มส่วนผสมที่มีคุณประโยชน์ในการดูแลรูปร่าง หรือกระตุ้นการเผาผลาญเข้าไปเสริม เช่น สารสกัดจากถั่วขาวที่สามารถยับยั้งการย่อยสลายแป้ง และไขมัน หรือแอล-คาร์นิทีน  ที่มีส่วนช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ลดมวลไขมัน  ส่วนมากจะแนะนำให้ดื่มก่อนออกกำลังกาย เพื่อให้มีการเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น

จากการศึกษาพบว่าการดื่มกาแฟสามารถทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น  มีคำแนะนำว่าอาจจะดื่มกาแฟสักแก้วประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย และประโยชน์ดี ๆ ที่มากกว่าดื่มเพื่อลดความความอ้วน ได้แก่…

  • ชะลอการเสื่อมโทรมไม่ให้แก่ก่อนวัย หากดื่มในปริมาณที่พอดี
  • ลดอาการปวดหัวและไมเกรนปวดศีรษะ เพราะคาเฟอีนช่วยขยายหลอดเลือด
  • กระตุ้นประสาทส่วนกลางทำให้กระปรี้กระเปร่า สดชื่น ตื่นตัว
  • ดีต่อตับ เนื่องจากกาแฟดำมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับ ไวรัสตับอักเสบ ลดไขมันสะสมที่ตับ และลดการเกิดโรคตับแข็งจากการดื่มสุรา นอกจากนี้ 80% ของผู้ที่ดื่มกาแฟดำ 4 แก้วขึ้นไปในทุก ๆ วัน มีอัตราการเกิดโรคที่เกี่ยวกับตับต่ำกว่าผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟดำ
  • กาแฟมีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ ทำให้แบคทีเรียและสารพิษจะถูกขับออกมาอย่างเป็นปกติ

ซึ่งจากที่กล่าวมาหลาย ๆ คนก็สามารถเห็นได้แล้วว่ากาแฟมีประโยชน์อื่น ๆ อีก ไม่ใช่เพียงการลดความอ้วนเท่านั้น  แต่ยังสามารถสร้างสูตรบำรุงสุขภาพในมิติอื่น ๆ ได้อีก

กาแฟเพื่อสุขภาพในปัจจุบัน มีสูตรไหนบ้าง?

จากที่กล่าวไปข้างต้น เกี่ยวกับประโยชน์ของกาแฟ จึงทำให้มันสามารถแตกย่อยออกมาได้อีกหลาย ๆ สูตร ไม่ใช่เพียงลดความอ้วนค่ะ ซึ่งจะมีสูตรไหนที่เจ้าของแบรนด์สามารถนำไปต่อยอดได้บ้าง เรามาดูกันค่ะ

กาแฟเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ

ถือเป็นอีกหนึ่งสูตรที่ค่อนข้างได้รับความนิยมค่ะ เนื่องจากบุตรหลานมักซื้อเป็นของฝากที่เหมาะกับผู้สูงวัย ช่วยทำให้สมองตื่นตัวและรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน มีสมาธิมากขึ้น จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคความจำเสื่อมได้ เพราะสารสกัดบางตัวจากกาแฟสูตรนี้ มีส่วนช่วยกระตุ้นประสาท และพัฒนาระบบการรับรู้ให้ดีขึ้น พร้อมทั้งช่วยชดเชยการเสื่อมสภาพของระบบประสาทได้อีกด้วย นอกจากนี้กลิ่นหอม ๆ ของกาแฟ ยังช่วยรู้สึกสดชื่น ถือว่าเป็นกลิ่นอโรม่า ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้

กาแฟผสมสมุนไพร

กาแฟสูตรนี้จะมีส่วนผสมของสมุนไพรบางชนิด เช่น เห็ดหลินจือ โสม กระชายขาว โดยจะผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน ทันสมัยทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้กาแฟขั้วบดสำเร็จรูปที่ดีที่สุด รสชาติกลมกล่อมนุ่มละมุน ถูกปากคนทุกกลุ่ม คุณประโยชน์ครบครัน จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคหลาย ๆ คนนั่นเองค่ะ

กาแฟเพื่อสุขภาพสำหรับผู้ชาย

ในการเลือกทาน กาแฟผู้ชาย นั้นจะเห็นได้ว่าเป็นวิธีการที่ค่อนข้างง่ายในการหาเครื่องดื่มที่มาช่วยในการทำงานให้ตัวของเราเองนั้นมีการตื่นตัวตลอดเวลา และยังเป็นสิ่งที่ช่วยบำรุง สรรพคุณในการเสริมสมรรถนะทางร่างกายให้รู้สึกดียิ่งขึ้น จากการดื่มกาแฟที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน ที่ช่วยในการตื่นตัวให้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้นั่นเองค่ะ

กาแฟเพื่อสุขภาพสำหรับผู้หญิง

กาแฟสำหรับผู้หญิง มักมีส่วนช่วยในเรื่องบำรุงผิวพรรณต่าง ๆ โดยเจ้าของแบรนด์สามารถคิดค้นหรือออกแบบให้ส่วนผสมเป็นได้ทั้งกาแฟสำเร็จรูป โกโก้ เครื่องดื่มธัญชาติ หรือเครื่องดื่มชนิดผงอื่น ๆ รวมถึงการผสมสารสกัดอื่น ๆ เพื่อให้เกิดคุณค่า เพิ่มความอร่อยได้อีกด้วย ทานง่าย เหมาะกับผู้หญิงในทุกวัยที่ไม่ถนัดดื่มกาแฟที่มีรสชาติเข้มค่ะ

ขั้นตอนการสร้างแบรนด์ “กาแฟเพื่อสุขภาพ”

สำหรับขั้นตอนของการสร้างแบรนด์กาแฟนั้น ต้องบอกก่อนค่ะว่า ค่อนข้างมีความซับซ้อนอยู่พอควร เนื่องจากเจ้าของแบรนด์ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การศึกษาการตลาดของกาแฟเพื่อสุขภาพ ไปจนถึงการเลือกวัตถุดิบของตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะมีความยาก-ง่ายอย่างไรบ้างนั้น เรามาดูกันค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาตลาดกาแฟ

แม้ในอดีตที่ผ่านมา การขายกาแฟ ก็จะเน้นไปที่รสชาติ แหล่งเพาะปลูก หรือสายพันธุ์ของกาแฟ เป็นต้น แต่ในปัจจุบันนี้การตลาดได้เปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคเริ่มมองหาความคุ้มค่าในตัวผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้กาแฟต้องมีจุดเด่นเพิ่มเติมขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นกาแฟลดความอยากอาหาร กาแฟผสมคอลลาเจน กาแฟบำรุงสุขภาพ ยิ่งใส่จุดเด่นไปมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้กาแฟแบรนด์นั้นได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น

ขั้นตอนที่ 2 สร้างความโดดเด่นให้แก่แบรนด์กาแฟของตนเอง

เมื่อการตลาดของกาแฟหลาย ๆ แบรนด์เริ่มเกิดทางตัน ทำให้กาแฟที่ออกสู่ท้องตลาดนั้นเหมือนกันแทบจะทั้งหมด ซึ่งถ้าเจ้าของแบรนด์ต้องการที่จะสร้างแบรนด์กาแฟเป็นของตัวเองแล้วล่ะก็ อาจเพิ่มส่วนผสมอื่น ๆ ที่สามารถสร้างความโดดเด่นให้สูตรกาแฟได้ พร้อมทั้งมีสรรพคุณต่อผู้บริโภคอีกด้วย เช่น อาจเพิ่มสมุนไพรต่าง ๆ โดยมีงานวิจัยมาว่า  กาแฟผสมกระชายขาวจะช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายให้แข็งแรงและสามารถช่วยลดความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี

ขั้นตอนที่ 3 พึงระลึกว่าสินค้าต้องตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างครอบคลุม

อย่างที่เรากล่าวไปแล้วข้างต้น ว่าถ้าแบรนด์กาแฟของคุณยิ่งมีความแตกต่างจากท้องตลาดมากเท่าไหร่ ก็จะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น โดยจากตัวอย่างจากขั้นตอนก่อนหน้านี้ที่กล่าวถึงกาแฟผสมกระชายขาว เป็นตัวอย่างที่สินค้าค่อนข้างมีความโดดเด่น แต่มิใช่เพียงโดดเด่นอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ เพราะสรรพคุณของกระชายขาวยังสามารถตอบโจทย์ผู้ดื่มอย่างครอบคลุมความต้องการของผู้ที่ดื่มกาแฟได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรสชาติและสรรพคุณ

ขั้นตอนที่ 4 ยิ่งสินค้าของแบรนด์ได้รับการการันตีจากงานวิจัย ยิ่งมีผลดี

หากเจ้าของแบรนด์ต้องการสร้างแบรนด์กาแฟให้เป็นที่ยอมรับและสามารถเข้าไปนั่งในใจของลูกค้าได้นั้น ในขั้นตอนการผลิตที่โรงงานผลิตกาแฟ เจ้าของแบรนด์จะต้องเน้นย้ำในเรื่องของส่วนผสม คุณภาพ รสชาติ และการวิจัย ว่ามันจะไม่มีผลกระทบด้านลบต่อลูกค้า ยิ่งถ้ามีการรับรองจากความปลอดภัยจากหน่วยงานต่าง ๆ ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่แบรนด์สินค้าของเจ้าของแบรนด์เองด้วยค่ะ

ซึ่งจากที่กล่าวมา ทุก ๆ ขั้นตอนของการสร้างแบรนด์มีความสำคัญเหมือนกันหมดค่ะ ซึ่งรวมไปถึงขั้นตอนการผลิตกาแฟเพื่อสุขภาพที่เป็นไปในแบบสำเร็จรูป ซึ่งต้องมีกระบวนการการผลิตจากโรงงานด้วย จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ

ขั้นตอนการสร้างกาแฟเพื่อสุขภาพแบบสำเร็จรูป

กาแฟผงสำเร็จรูป (instant coffee) เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกาแฟ (coffee) ที่สะดวกในการชง มีลักษณะ เป็นผง หรือเกล็ดละลายได้ดีในน้ำร้อน การผลิตกาแฟสำเร็จรูป เริ่มต้นจากการทำกาแฟคั่วบด การสกัดน้ำกาแฟเข้มข้น แล้วผ่านการทำแห้งด้วยเครื่องทำแห้งแบบพ่นฝอย (spray drier) หรือเครื่องทำแห้งแบบระเหิด (freeze drier)

กระบวนการผลิตกาแฟผงกึ่งสำเร็จรูป

การผลิตกาแฟผงกึ่งสำเร็จรูปนั้น เป็นการสกัดและทำแห้งของแข็งที่ละลายน้ำได้ใน กาแฟและองค์ประกอบของสารให้กลิ่นให้ผง หรือเป็นเมล็ดเล็ก ๆ วัตถุดิบที่ใช้สำหรับผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป คือนำเมล็ดกาแฟกะลา (parchment coffee) มาขัดกะลาได้เป็นเมล็ดกาแฟดิบ หรือกาแฟสาร (green coffee bean) ใช้ทั้งกาแฟพันธุ์อาราบิก้า (arabica) และ โรบัสต้า (robusta) หรือผสมกันขึ้นกับสูตร รสชาติ ความขม ที่ต้องการ

กรรมวิธีการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป

กรรมวิธีการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูปประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้

1. การคัดคุณภาพและเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ (Green Bean Cleaning & Storage)

ก่อนการผลิต เมล็ดกาแฟดิบที่ถูกเก็บไว้ในถังเก็บ (storage bin) ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ และ อุณหภูมิที่ต่ำ ป้องกันการเจริญของเชื้อรา และแมลง เมล็ดกาแฟ จะถูกนำมาแปรรูปเบื้องต้นด้วยขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ ดังนี้

  • ทำความสะอาดแบบแห้ง เช่น การใช้ลมเป่า
  • การคัดขนาดด้วยเครื่องคัดขนาด
  • การคัดสีด้วยเครื่องคัดสี

เพื่อให้ได้เฉพาะเมล็ดกาแฟคุณภาพดี เข้าสู่กระบวนการที่ 2 ต่อไป

2. การผสมกาแฟ (Blending)

เป็นขั้นตอนการนำกาแฟพันธุ์ต่าง ๆ เช่น โรบัสต้า (robusta) อาราบิกา (arabica) มาผสม (mixing) กันตามสูตรเฉพาะ เพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสชาติที่ต้องการในเครื่องผสม

3. การคั่ว (Roasting)

การคั่ว เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการผลิตกาแฟ โดยกลิ่นรสสุดท้ายของกาแฟจะขึ้นกับวิธีการคั่ว ตลอดจนสภาวะที่ใช้คั่วโดยอุณหภูมิที่เหมาะสมในการคั่วอยู่ที่ประมาณ 200 องศาเซลเซียส

4. การบด (Grinding)

การบดมีลักษณะดังนี้คือ 1) แบบหยาบ 2) แบบหยาบปานกลาง 3) แบบละเอียด 4) แบบละเอียดมาก โดยใช้เครื่องบดมาตรฐานเรียกว่า motorized grinders

5. การสกัด (extraction)

เพื่อแยกส่วนประกอบที่ละลายน้ำได้ของกาแฟที่ผ่านการคั่วและการบดละเอียดแล้ว โดยใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย เพื่อให้ได้ของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมด ให้ละลายออกมาอยู่ในน้ำ ปกติจะสกัดจนได้ สารละลายที่มีความเข้มข้นประมาณ 15-25 % w/w การสกัดจะทำภายใต้ความดันสูงกว่าความดันบรรยากาศ เพื่อให้อุณหภูมิสูงกว่า จุดเดือดของน้ำเพื่อเพิ่มอัตราการชะละลาย

5.1 การสกัดแบบกะ (batch extraction)

เป็นวิธีการที่ใช้กันทั่วไป ทำงานหลักการเดียวกับเครื่องสกัดกาแฟขนาดเล็กที่ใช้ตามร้านกาแฟ โดยนำกาแฟที่คั่วบรรจุในภาชนะ จากนั้นจะผ่านน้ำร้อนเข้าไปสกัด ของแข็ง ที่ละลายน้ำในกาแฟ น้ำกาแฟจะถูกปล่อยออกไป อุณหภูมิที่ใช้ในการสกัดอยู่ที่ 175 องศาเซลเซียส ภายใต้ความดัน สารละลายที่ได้จะมีความเข้มข้นประมาณ 15-25% น.น./น.น. เข้าสู่กระบวนการทำแห้งต่อไป

5.2 การสกัดแบบต่อเนื่อง (continuous extraction)

กาแฟคั่วบดถูกป้อนเข้าสู่เครื่องสกัด อย่างต่อเนื่อง ด้วยเกลียวลำเลียง (screw conveyor) ที่วางเป็นมุมเอียง เป็นเครื่องสกัดแบบไหลสวนทาง (Counter current extractor) คือ ทางเข้าของน้ำร้อนจะอยู่ทางด้านบน จะอยู่คนละด้านกับการเข้าของกาแฟคั่วบด เพื่อสกัดของแข็งที่ละลายน้ำได้ในกาแฟอย่างต่อเนื่อง จากนั้นน้ำกาแฟที่ได้จะปล่อยออกทางด้านล่าง การทำงานของระบบต้องใช้ความดันและอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส

5.3 Slurry extraction

กาแฟและน้ำจะถูกกวนเข้าด้วยกันในแทงค์และจะแยกออกจากกันโดยการหมุนเหวี่ยง (centrifuge)

6. การทำให้เข้มข้น

การทำให้เข้มข้น (concentration) เพื่อแยกน้ำออกจากสารสกัดจากกาแฟให้เข้มข้นขึ้น ก่อนการทำแห้งด้วยเครื่องระเหย (evaporator) อุตสาหกรรมขนาดใหญ่มักใช้เครื่องระเหยแบบหลายขั้นตอน (multiple effect evaporator)

7. การแยกสารที่ให้กลิ่นหอม (aroma recovery)

เป็นการถนอมกลิ่นกาแฟไม่ให้สูญเสียไปกับกระบวนการผลิตและให้สภาพของกลิ่นคงความหอมและสดใหม่อยู่เสมอ

8 การปรับค่ามาตรฐาน (standardization)

เป็นการวัดความเข้มข้นของกาแฟให้ได้มาตรฐานตามที่ต้องการ

9. การทำแห้ง (dehydration)

  • เครื่องทำแห้งแบบพ่นฝอย (spray drier)

เป็นการทำให้น้ำกาแฟเกิดเป็นละอองเล็กขนาดหยดน้ำ (เส้นผ่านศูนย์กลาง 100-200 ไมโครเมตร) ในกระแสลมร้อนที่ไหลในทิศทางเดียวกัน (150-300 องศาเซลเซียส) ในถังทำแห้งขนาดใหญ่กาแฟแห้งที่ได้จะถูกแยกออกไปโดยการใช้ centrifugal atomizer ส่วนของเหลวจะถูกส่งไปยังภาชนะหมุน เพื่อสร้างขนาดของหยดสารละลายใหม่ในการสเปรย์

  • การทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง (freeze drying)

การทำแห้งแบบแช่เยือกแข็งเป็นการทำแห้งโดยการทำให้ของแข็งกลายเป็นไอโดยไม่ละลายหรือเรียกว่า การระเหิด โดยน้ำกาแฟจะผ่านการแช่เยือกแข็ง (freezing) จากนั้นจึงทำการระเหิดภายใต้ความดัน

10. การบรรจุ (filling & packing)

เมื่อได้กาแฟผงสำเร็จรูปก็จะนำเข้าสู่กระบวนการบรรจุในบรรจุภัณฑ์ โดยใช้เครื่องมือใน การบรรจุภัณฑ์ หลังจากนั้นก็จะทำการบรรจุลงหีบห่อและขนย้ายไปยังโกดังพักสินค้า เพื่อรอการขนส่งต่อไป

โรงงานผลิตกาแฟสำเร็จรูป มีกี่แบบ เลือกแบบไหนให้เหมาะกับแบรนด์เรา?

โดยทั่วไปแล้วโรงงานที่รับผลิตอาหารเสริม หรือ กาแฟ สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกับ 2 แบบดังกล่าวกันก่อน ดังนี้ค่ะ

แบบที่ 1 โรงงานแบบ OEM

คำว่า OEM ย่อมาจากคำว่า Original Equipment Manufacturer ลักษณะของโรงงานที่รับผลิตสินค้าประเภทนี้ คือโรงงานที่มีเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตอยู่แล้ว และรับผลิตสินค้าให้ลูกค้าเพื่อนำไปติดแบรนด์ที่มีอยู่แล้วของลูกค้า เช่น ลูกค้ามีแบรนด์ที่แข็งแรงแล้วในตลาด ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อะไร หรือแม้แต่อะไหล่รถยี่ห้อดัง สมาร์ทโฟน ก็อาจจะพึ่งโรงงานประเภทนี้ และโรงงานประเภทนี้มักมีมาตรฐานการผลิตในระดับสากล มีเครื่องหมายรับรอง เชื่อถือได้ในเรื่องของคุณภาพที่แบรนด์ดังไว้วางใจ

ข้อดีของโรงงาน OEM

  • ช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำ
  • เจ้าของแบรนด์ไม่ต้องมีโรงงานเป็นของตัวเอง
  • ง่ายต่อการเปลี่ยนลักษณะหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจ
  • มีผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาทางการผลิตคอยดูแล

ข้อเสียของโรงงาน OEM

  • มีต้นทุนการผลิตสูงกว่าผลิตเอง
  • หากใช้สูตรกลาง สินค้าและคุณภาพอาจจะไม่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ มากนัก

แบบที่ 2 โรงงานแบบ ODM

ODM ย่อมากจาก Original Design Manufacturer โรงงานแบบนี้มักจะพัฒนาขึ้นมาจากแบบ OEM คือเป็นโรงงานที่มีการทำวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ หากเป็นการผลิตอาหารเสริม หรือเครื่องสำอาง จะมีการคิดค้น ทำวิจัย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและจุดเด่นที่แตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่เดิมในท้องตลาด การคิดพัฒนานั้นมีการทดลอง ทดสอบประสิทธิภาพ และเป็นสูตรที่ลงตัวให้มีมาตรฐานของตัวเอง อีกทั้งมีความพร้อมในการให้บริการครบวงจร อย่างที่โรงงาน รับผลิตอาหารเสริม ครบวงจรนิยมทำกัน นั่นก็คือนอกจากผลิตแล้ว ยังรับออกแบบทั้งโลโก้ ฉลากสินค้า อีกทั้งจัดหาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะและสวยงาม ถูกใจตลาด รวมถึงจดทะเบียน อย.กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ครบวงจรเพื่อลูกค้าที่มาใช้บริการผลิตเพื่อสร้างแบรนด์จะได้สะดวก และได้สินค้ารวดเร็ว มีเอกลักษณ์เฉพาะนั่นเองค่ะ

ข้อดีของโรงงาน ODM

  • ไม่ต้องออกแบบเอง สามารถขายได้เลย เหมาะกับผู้เริ่มต้นทำแบรนด์
  • หากเลือกออกแบบที่เป็น Exclusive จะได้แบรนด์สินค้าที่ไม่ซ้ำใคร
  • ช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำ สามารถย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่ต้นทุนต่ำกว่าได้ตลอด
  • เจ้าของแบรนด์ไม่ต้องมีโรงงานเป็นของตัวเอง
  • มีผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาทางการผลิต และการออกแบบคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

ข้อเสียของโรงงาน ODM

  • มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายการผลิตที่สูงกว่าโรงงานประเภทอื่น เพราะมีเรื่องการออกแบบเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

สำหรับการผลิตกาแฟสำเร็จรูป เลือกโรงงานแบบไหน ดีกว่ากัน?

จากที่กล่าวไปในหลาย ๆ ครั้งค่ะว่า “กาแฟ” เป็นเครื่องดื่มที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมดื่มกัน ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ดื่มแทนมื้ออาหาร หรือดื่มยามบ่ายเพื่อเรียกความสดชื่นคืนมา จะดีขนาดไหนหากเราจะมีธุรกิจกาแฟเป็นของตัวเอง ดังนั้น สำหรับการเลือกโรงงานเพื่อการผลิต ส่วนใหญ่เจ้าของแบรนด์กาแฟจะเลือกโรงงานประเภท OEM ค่ะ เพราะเจ้าของแบรนด์มักจะคิดค้นสูตรของตนเองมาก่อน แล้วจึงส่งทำที่โรงงาน รับผลิตกาแฟ โดยโรงงานดังกล่าวควรผ่านเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้

  1. เป็นโรงงานที่มีคุณภาพ

โรงงานผลิตการแฟสำเร็จรูปแบบ OEM ที่ดีที่สุด ต้องเป็นโรงงานผลิตสินค้าได้มาตรฐาน GMP HACCP และ ISO 9001:2015 ระดับสากล ใช้เครื่องจักรทันสมัย เทคโนโลยีใหม่ในการผลิตทุกขั้นตอน พร้อมทีมนักวิจัยผู้คิดค้นสูตรและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมไปด้วยความรู้และประสบการณ์ หากเป็นแบบนี้จึงจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้เริ่มต้นสร้างแบรนด์กาแฟอย่างแท้จริง

  1. มีบุคลากรที่มีความรู้

บุคลากรของโรงงานผลิตกาแฟสำเร็จรูปแบบ OEM ที่ดีที่สุด ต้องมีทีมวิจัย วิศวกรประจำกระบวนการผลิต และทีมงานการตลาดมืออาชีพที่มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะ จึงจะทำให้มั่นใจในทุกขั้นตอนของการสร้างแบรนด์ได้

  1. กาแฟต้องมีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะจุดเด่นคือกาแฟต้องดีที่สุด หากไม่ดียังไงก็ขายไม่ได้แน่นอน จึงต้องคัดสรรคุณภาพกาแฟมาอย่างดี

ทำไมต้องผลิตกาแฟกับ Charmace

หากเจ้าของแบรนด์ท่านใดยังไม่มีโรงงาน รับผลิตกาแฟ ที่ไหนในใจ  ทาง Charmace ขอแนะนำตัวเพื่อฝากไว้พิจารณาค่ะ

  • แนวทางสรรสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล ของ Charmace

เนื่องจาก Charmace เป็นสถานที่ให้บริการแบบ One Step Service ดังนั้น เราจึงมีขั้นตอนการทำงานที่จะคอยให้คำปรึกษาเจ้าของแบรนด์ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมีขั้นตอนการทำงานหลัก ๆ ต่อไปนี้ค่ะ

แผนกวิจัยและพัฒนาสูตรอาหารเสริม และกาแฟ

บริษัท ชาร์แมซ ซี.เค. คอสเมด จำกัด เรามีทีมนักวิทยาศาสตร์ ทีมนักวิจัย และเภสัชกร ที่มีประสบการณ์ อีกทั้งยังมีความเชี่ยวชาญระดับสูง ที่จะคอยควบคุมทุกขั้นตอนการผลิตอาหารเสริม ไม่ว่าจะเป็น แผนกวิจัยและพัฒนาฝ่ายอาหารเสริม แผนกวิจัยและพัฒนาสารสกัดสมุนไพร ตลอดจน ครีม เครื่องสำอาง ต่าง ๆ อีกทั้งทีมวิจัยและพัฒนาได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ พร้อมทดสอบและพัฒนาสูตรอาหารเสริมให้มีคุณภาพสูง พร้อมให้คำปรึกษา ดูแลช่วยเหลือ และปรับแต่งสูตรต่าง ๆ ตามความต้องการของเจ้าของแบรนด์อาหารเสริม และให้ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

แผนกตรวจสอบความปลอดภัยอาหารเสริม QC Department

หลังจากผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนาเรียบร้อย เรายังคำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของสินค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม ครีม สบู่ ตลอดจนเครื่องสำอาง ทุกชนิด ด้วยการควบคุมคุณภาพภายใต้มาตรฐานการรับรองระดับโลก GMP HACCP HALAL ทั้งตรวจสอบความปลอดภัยของสารปนเปื้อนทุกชนิด เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยได้อย่าง 100%

กระบวนการผลิตอาหารเสริม (Production)

ทุกผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ว่าจะเป็น กาแฟ อาหารเสริม ครีม สบู่ เครื่องสำอาง ทุกชิ้นของบริษัท ได้ผ่านการควบคุมอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต ด้วยทีมงานที่มีคุณภาพ รับรองคุณภาพและวิธีการผลิตตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด โดยยึดหลักความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด อีกทั้งยังควบคุมดูแล ทำความสะอาดเครื่องจักรในกระบวนการผลิตอยู่เป็นประจำ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และผ่านการทดสอบจากห้องแลปมาตรฐานระดับสูง เพื่อเพิ่มความมั่นใจและความไว้วางใจ ในการนำผลิตภัณฑ์สู่ท้องตลาดไปสู่มือผู้บริโภค จากโรงงานของเรา

  • มีศักยภาพที่เจ้าของแบรนด์สามารถวางใจได้

เราคือบริษัท รับผลิตกาแฟ อาหารเสริม และ สร้างแบรนด์อาหารเสริม เครื่องสำอาง เวชสำอาง ครีม คุณภาพทุกชนิด อย่างครบวงจร รวมถึงควบคุมการผลิตโดยแพทย์ เภสัชกร และ นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษาด้านธุรกิจการตลาด เราสรรสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล และเราพร้อมที่จะบริการให้คำปรึกษา ในด้านต่าง ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ ความสามารถ และ ประสบการณ์ในธุรกิจการผลิตเครื่องสำอาง และ อาหารเสริมอย่างมืออาชีพค่ะ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยการการันตีต่าง ๆ เช่น

ทีมวิจัยและพัฒนาชั้นยอด

เรามีทีมงานวิจัยและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่มีประสบการณ์สูงคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ

มาตรฐานของโรงงานระดับสากล

มาตรฐานของโรงงาน CHARMACE ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

บริการจดทะเบียน อย. ง่ายและเร็ว

บริการจดทะเบียนอย. ด้วยขั้นตอนการขึ้นทะเบียนที่รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก

ดีไซน์บรรจุภัณฑ์แบบมืออาชีพ

เรามีทีมออกแบบบรรจุภัณฑ์มืออาชีพที่ช่วยออกแบบ ให้ผลิตภัณฑ์ดูทันสมัยและตรงตามความต้องการของตลาด

พันธมิตรกับช่องทางการตลาด

เราเป็นพันธมิตรกับช่องทางการตลาดเช่นวิทยุ, TV สื่อออนไลน์, นิตยสารที่จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการตลาด

พร้อมเป็นที่ปรึกษาทางการตลาด

พร้อมให้คำปรึกษาด้านการตลาดเสมือนเราเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของแบรนด์

บทความที่น่าสนใจ

รับผลิตอาหารเสริม สร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเองง่ายๆ ครบทุกวงจร

ช่องทางการขายอาหารเสริม ขายยังไงให้ได้เงินล้าน !!

ลิปสติก ทำมาจากอะไร ? มาทำความรู้จัก สารสกัดในลิปสติก กันค่ะ

บริการของเรา มุ่งเน้นการให้บริการแบบครบวงจร ใส่ใจทุกกระบวนการผลิตด้วยมาตรฐาน 

ปัจจุบันนี้มีธุรกิจหลายอย่างได้เกิดขึ้นอย่างมากมาย สำหรับการสร้างแบรนด์อาหารเสริม หรือ การสร้างแบรนด์ครีม ในตอนนี้ ต้องยอมรับว่าตลาดความสวยความงามนั้นสามารถสร้างรายได้ต่อปีจำนวนมหาศาล ซึ่งในตอนนี้หลายคนก็ได้เริ่มหันมาผลิตอาหารเสริม หรือ ผลิตครีมมากมาย เราจะเห็นได้จากดาราที่หันมาทำธุรกิจอาหารเสริม หรือ ธุรกิจครีมกันเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้สร้างโรงงานผลิตเองแน่นอน ทุกวันนี้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะมีผู้รับผลิตซึ่งเป็นโรงงานรับผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ มีมาตรฐานรองรับ

สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์อาหารเสริมหรือ สร้างแบรนด์ครีมของตัวเอง หรือ ผู้ที่อยากขายของออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นขายครีมออนไลน์ ขายอาหารเสริมออนไลน์ สามารถปรึกษาข้อมูลได้ที่ บริษัท ชาร์แมซ ซี.เค. คอสเมด จำกัด โรงงาน รับผลิตอาหารเสริม รับผลิตอาหารเสริมลดน้ำหนัก อาหารเสริมบำรุงผิว รับผลิตคอลลาเจน รับผลิตกาแฟ อาหารเสริมบำรุงสุขภาพทุกชนิด

มีทีมงานวิจัย ช่วยคิดค้นสูตร แกะสูตรและผลิตอาหารเสริม ให้ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย พร้อมบริการขึ้นทะเบียนอาหาร ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า บริการรับผลิตและออกแบบแพ็กเกจผลิตภัณฑ์สินค้า เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นสร้างแบรนด์มีบริการหลังการขายที่จะให้คำปรึกษาทั้งด้านการผลิต และการตลาดอย่างมืออาชีพ

สนใจผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างแบรนด์ ของตัวเอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ใบเสนอราคา สินค้าตัวอย่าง
Call Center : 063-6246599


โรงงานผลิตอาหารเสริม

โรงงานรับผลิตอาหารเสริม เวชสำอาง เครื่องสำอาง ครีมทุกชนิดอย่างครบวงจร
เราสรรสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล

ทำไมต้อง  ผลิตอาหารเสริมกับเรา
บริการของเรา
มุ่งเน้นการให้บริการแบบครบวงจร
สินค้าแนะนำ 12 รายการ สูตรระดับพรีเมี่ยม